เรื่องควรรู้สำหรับนักเขียนแนวอีโรติก
เป็นบทความที่นักเขียนนิยายแนวอีโรติกหรือแนวบอยเลิฟควรได้เรียนรู้และศึกษาเอาไว้ ซึ่งนำมาจากบทความที่น่าสนใจจากนักเขียนต่างๆ
ผู้เข้าชมรวม
2,369
ผู้เข้าชมเดือนนี้
8
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ปัจจุบันนี้ การเขียนนิยายวาย หรือนิยายแนวชายรักชาย กับการเขียนนิยายทั่วไปที่ฉากอีโรติก เริ่มจะเห็นได้ในงานเขียน
มากขึ้น แต่ที่จริงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะแต่เดิมก็มีนักเขียนที่เขียนนิยายที่มีฉากอีโรติกสอดแทรกอยู่ในหนังสืออยู่หลายท่าน แต่กลวิธีการเขียนก็ละมุนละไม แตกต่างจากคำว่าอนาจาร ทว่าในปัจจุบันนี้ การเขียนนิยายวาย และการเขียน
นิยายที่มีฉากอีโรติก กลายเป็นเรื่องต้องห้าม เพราะถูกมองว่ายั่วยุให้เกิดพฤติกรรมทางเพศที่รุนแรง มั่วสุม ทั้งที่จริงๆแล้ว
นิยายวาย หรือนิยายอีโรติกอาจจะไม่ใช่ต้นตอของปัญหา เพราะคนที่อ่านนิยายพวกนี้ ก็ไม่ค่อยมีข่าวว่าไปก่ออาชญากรรม
ทางเพศ ในขณะที่คนที่ก่อ ก็อาจจะไม่เคยอ่านก็ได้
อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนเขียนหนังสือ ควรจะศึกษาข้อมูลเอาไว้ เพื่อที่จะได้รู้ว่า สังคมและคนที่ดูแลกฏหมายมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร และคนอื่นๆ มองอย่างไร กระทู้นี้จึงจะพยายามรวบรวมบทความที่มีประโยชน์ต่องานเขียนแนวชายรักชาย
และแนวอีโรติกมาให้ได้ศึกษากัน
1.รัฐแทรกแซงเซ็กส์
เนื้อหา :
เมื่อวันที่: 23-09-2007 09:14 ความคิดเห็น: (0)
คะแนน:
บทความ จากคอลัมน์ หมายเหตุการณ์
นิตยสาร เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 13 ฉบับที่ 612 วันที่ 23 - 29 ก.พ. 2547
โดย ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์
สังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ให้ที่ทางกับความเชื่อความเห็นที่แตกต่างมากขึ้นในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา เราได้เห็นการแลกเปลี่ยน/โต้เถียงของคนหลากหลายกลุ่มในประเด็นต่างๆในอาณาบริเวณทางสังคมอย่างสถาบันการศึกษา และสื่อมวลชน
บางกลุ่มที่ไม่ได้ออกมาแลกเปลี่ยนความเห็นตรงๆในเรื่องสิทธิหรือการปลดปล่อยอาจจะแสดงการดำรงอยู่ของตัวตนที่ แตก ต่างออกมาในรูปของพาเหรด / คานิวาล / เฟสติวัล (ที่รูปแบบคล้ายๆกับพาเหรดแฟชั่นที่รัฐไทยทุ่มทุนจัดเพื่อ ผลักดันให้กรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางแฟชั่นเลยละ) หรือภาพยนตร์ละครที่หลายคนชอบและชื่นชม แต่ก็ขัดตาขัดใจอีก หลายๆ คน
เรื่องหนึ่งที่โต้แย้งต่อรองกันมาโดยตลอดก็คือเรื่องเซ็กซ์ โดย 'กรอบ' ที่เชื่อกันว่าถูกต้องดีงามได้ถูกท้าทาย โดยวิถีปฏิบัติและรสนิยมที่ต่างไป
เซ็กซ์หลุดออกจากการกักกันให้อยู่ในสถาบันการแต่งงานและครอบครัวคนมีเซ็กซ์นอกการแต่งงานอย่างเป็นล่ำเป็นสันและ เริ่มต้นกันที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ มีประสบการณ์กับคู่นอนคู่รักหลายคนทีละคนหรือในรูปเซ็กซ์หมู่หรือรูปแบบเอื้ออาทร อะไรประมาณนั้น
การเที่ยวเตร่ซื้อบริการทางเพศและการมีความสัมพันธ์ซ้อน (ที่เรียกกันว่าการมีเมียน้อย) ถูกมองว่าเป็นปัญหาและ ความเสื่อม แต่ก็ถูกปฏิบัติอย่างเป็นเรื่องธรรมดา
ความแตกต่างที่หลุดออกไปนอกกรอบเหล่านี้หลายประการได้ออกจากการหลบซ่อนในห้องนอนหรือในบ้านมาอาศัยพื้นที่ ทางสังคม เป็นเวทีในการโต้เถียงและเรียกร้องที่ทางและการยอมรับในสังคมมากขึ้น แม้ว่าการโต้เถียงจะมีลักษณะ เหมือนการชกมวยข้ามรุ่นที่แต่ละฝ่ายเสียงดังไม่เท่ากัน
ดูเหมือนบางคนบางกลุ่มจะไม่ยอมให้คนกลุ่มเดียวผูกขาดมาตรฐานการถูกผิดและวิถีปฏิบัติในเรื่องเซ็กซ์อีกต่อไป
มีการตั้งคำถามว่ากรอบที่สังคมยึดถือว่าดีเป็นเพียงภาพลวงตาที่คนไม่ได้ปฏิบัติตามกันอยู่แล้ว
ในขณะที่คนที่เห็นว่าการมีกรอบเป็นเรื่องสำคัญสำหรับระบบระเบียบอันดีงามในการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมก็พยายาม จะหาทางเรียกร้องบีบบังคับให้บรรดาขบถเรื่องเซ็กซ์และคนอื่นๆ อยู่ในร่องในรอย และรักษากรอบที่ถูกเชื่อมโยงกับ ศีลธรรม อันดีงาม
การโต้เถียงทำนองนี้ดำเนินมาเนิ่นนานโดยไม่มีใครยึดกุมเกณฑ์ความถูกต้องเหมาะสมได้เด็ดขาดเหมือนในช่วงเวลาก่อน หน้านี้
ประเด็นเรื่องเซ็กซ์ที่สร้างความวิตกกังวลและโต้เถียงกัน เริ่มจะมีแบบแผนที่แน่นอนสอดคล้องกับเทศกาล อย่าง วาเลนไทน์ก็ต้องพูดกันถึงเรื่องวัยรุ่นกับเซ็กซ์ เพราะเทศกาลแห่งความรักแบบอิมพอร์ตนี้ กลายเป็นโอกาสที่สาวน้อย หนุ่มน้อยหลายคนจะเสียพรหมจรรย์ หรือได้ร่วมเพศกัน จนกลายเป็นเทศกาลที่โรงแรงม่านรูด และคนขายดอกไม้ รายได้ดีไป
ปีนี้ความกังวลของผู้ใหญ่เกี่ยวกับความประพฤติเรื่องเซ็กซ์ของวัยรุ่นปะปนกับความกลัวอันเกิดจากกระแสมั่วสุมรุมโทรม ที่บรรดาวัยรุ่นชายกระทำกับหญิงสาว ความห่วงใยในสวัสดิภาพและพรหมจรรย์ของวัยรุ่น ทำให้มีการเรียกร้อง ให้รัฐเข้มงวดจริงจังเพื่อปกป้องวัยรุ่นจากภัยอันตรายหลากหลายรูปแบบที่สะเทือนใจสะเทือนขวัญผู้ใหญ่โดยเฉพาะพ่อแม่ ที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับลูกของตนดี
อันที่จริงรัฐไทยได้ทำอะไรหลายอย่างเพื่อจะจัดการกับปรากฏการณ์ที่ถูกมองว่าเป็นปัญหาของวัยรุ่นอย่างการกำหนดเวลา เคอร์ฟิวเด็กหรือการควบคุมตรวจตราสถานบันเทิงและเลยไปครอบคลุมสถานที่สุ่มเสี่ยงอย่างตึกร้างและโรงแรมม่านรูด ที่ถูกตรวจอย่างเข้มงวดในช่วงวาเลนไทน์
มาตรการหลายประการในกระแสของการจัดระเบียบสังคมของรัฐกระทบกับเสรีภาพของพลเมืองในสังคมอย่างน่าตระหนก
แต่ชนชั้นกลางไทยจำนวนมากดูจะนิยมชมชอบและสรรเสริญรัฐว่าแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจังและถูกจุดโดยเฉพาะชนชั้น กลางไทยที่ไม่รู้จะกำกับควบคุมลูกของตนอย่างไรในเวลาที่วิถีปฏิบัติและระบบความเชื่อของลูกแตกต่างจากสิ่งที่ตนเองเคย ถูกปลูกฝังสั่งสอนว่าดีงาม
เมื่อรัฐเข้ามาทำหน้าที่กำกับดูแลให้ก็เลยพออกพอใจและยอมรับมาตรการเช่นนี้
มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามาตรการหลายประการของรัฐเป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญของพลเมืองนอกจากเรื่องสิทธิแล้ว สิ่งที่คนไทยไม่ได้นึกถึงกันนักก็คือการเปิดช่องเชิญชวนให้รัฐเข้าควบคุมและแทรกแซงในแง่มุมส่วนตัวยิ่งของคนเช่นนี้จะส่ง ผลกระทบอย่างไรต่อชีวิตทางสังคมของคนบ้าง
อย่างการตรวจตราโรงแรมม่านรูดซึ่งมีเป้าหมายหลักในการป้องกันเด็กจากการเกี่ยวข้องสัมผัสกับเซ็กซ์อาจจะเป็นการแทรก แซงเข้าไปในพื้นที่ที่ผู้ใหญ่หลายคนก้าวข้ามกรอบเรื่องเซ็กซ์ในรูปแบบต่างๆ ในสถานที่ที่ถูกมองว่าเป็นส่วนตัว
สำหรับผู้ใหญ่บางคนอาจจะมองว่าการเข้มงวดตรวจตรานี้เป็นสิ่งที่ดีเพราะจะเป็นการกำกับให้คนในสังคมอยู่ในกรอบเรื่องเพศ แต่ปัญหาก็คือกรอบเรื่องเพศกรอบเดียวในสังคมไทยอาจจะเป็นเพียงภาพลวงตาและได้ถูกตั้งคำถามโดยคนหลายกลุ่มมาอย่าง ต่อเนื่อง
การปล่อยให้รัฐแทรกแซงอาณาบริเวณส่วนตัวของพลเมืองได้เช่นนี้จะยิ่งเป็นการเพิ่มอำนาจในการบังคับควบคุมให้คนทำตาม กรอบเดียวกัน ซึ่งเป็นการจำกัดสิทธิในเรื่องส่วนตัว
สำหรับคนที่เชื่อว่ากรอบเรื่องเพศกรอบเดียวนี้สะท้อนและตอกย้ำความไม่เท่าเทียมระหว่างชายหญิงและกดขี่เอารัดเอาเปรียบ ในเรื่องเพศโดยผู้หญิงถูกควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อให้อยู่ในที่ทางการทำให้รัฐบังคับกะเกณฑ์คนให้อยู่ในกรอบเรื่องเพศเท่ากับ เป็นการรักษาสภาพของการกดขี่ไว้ด้วย
การให้อำนาจรัฐควบคุมเรื่องเซ็กซ์เช่นนี้จะทำให้เสียงต่างๆที่สะท้อนความแตกต่างหลากหลายในความเชื่อเรื่องเซ็กซ์ เงียบงันไปในที่สุดหรือไม่?
แต่สำหรับอีกหลายๆ คน การควบคุมของรัฐเป็นไปเพื่อการป้องกันเด็กหญิงชายจากการ ถูกกระทำความรุนแรงทาง เพศ ความปลอดภัยจากการถูกบังคับร่วมเพศก็เป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับคนในสังคม
เราจึงได้เห็นการปะทะกันอย่างจังของหลักการอย่างเสรีภาพและความมั่นคงปลอดภัยของคนซึ่งต่างก็ถูกมองว่ามีคุณค่าอย่าง สูงสุด
การปกป้องเด็กในแง่มุมนี้เป็นเรื่องสำคัญแต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปได้ด้วยการสละเสรีภาพโดยให้อำนาจรัฐแทรกแซง เรื่องส่วนตัวของคน ซึ่งดูจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเสียมากกว่า
ในที่สุดแล้วคนในสังคมคงจะต้องมาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะรักษาหลักการที่มีคุณค่าอย่างเสรีภาพและความมั่นคง ปลอดภัยได้ โดยไม่ต้องสละสิ่งหนึ่งเพื่ออีกสิ่งหนึ่งอย่างที่คุ้นเคยกันอยู่
บางทีจุดเริ่มต้นที่ดีคือการช่วยกันคิดอย่างจริงจังว่าจะจัดการกับสิ่งที่เห็นว่าเป็นปัญหาได้อย่างไรที่ไม่ใช่ เพียงการอยู่เฉยๆ ให้รัฐเข้ามาจัดการแก้ปัญหาให้ โดยมักจะต้องแลกด้วยการสละเสรีภาพของคน ซึ่งเป็นราคา ที่แพงนัก
[URL=http://www.goozaa.com/page.php?id=300]http://www.goozaa.com/page.php?id=300[/URL]
ผลงานอื่นๆ ของ katesnk ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ katesnk
ความคิดเห็น